Bright Lights, Big City - ย้อนรอยชีวิตไฮโซที่ต้องเผชิญความมืดในมหานครนิวยอร์ก!
หากพูดถึงยุคทองของภาพยนตร์และโทรทัศน์ในปี 1983 คงไม่มีใครปฏิเสธว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม และผลงานที่กลายมาเป็นตำนานไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “Terms of Endearment” ที่คว้ารางวัลออสการ์ 5 รางวัล หรือ “Trading Places” กำกับโดย จอห์น ล্যানดิส ซึ่งยังคงเป็นหนังตลกคลาสสิคที่ถูกจดจำมาถึงทุกวันนี้
แต่ในบทความนี้ เราจะย้อนเวลากลับไปสำรวจผลงานชิ้นเอกจากยุคนั้นที่อาจหลุดพ้นจากความทรงจำของใครหลายๆ คน นั่นคือภาพยนตร์ “Bright Lights, Big City” ซึ่งดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีในชื่อเดียวกัน
“Bright Lights, Big City” นำแสดงโดย ไมเคิล เจ ฟ oxx ผู้ซึ่งขณะนั้นเพิ่งโด่งดังจากบทบาทในภาพยนตร์ “Sixteen Candles” และ “Family Ties” ร่วมด้วย แครอล Burnet
พล็อตที่สะท้อนความว่างเปล่าของวัฒนธรรม materialism: เรื่องราว xoayรอบ Jamie, หนุ่มนักประพันธ์ไฟแรง ผู้ซึ่งหลงใหลอยู่ในวิถีชีวิตไฮโซของนิวยอร์กซิตี้ เขามีงาน writing ที่นิตยสารชั้นนำเงินเดือนดี และได้พบปะกับเหล่าคนดังและผู้มีอิทธิพล แต่ในความเป็นจริงแล้ว Jamie กำลังประสบปัญหา depressions
การจากไปของแม่ทำให้เขาหันไปหาโคเคนและแอลกอฮอล์เพื่อเยียวยาจิตใจ สุดท้ายเขาก็ถูกปลดออกจากงาน และความสัมพันธ์กับแฟนสาวก็ล่มสลาย Jamie ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างและเริ่มต้นชีวิตใหม่
ภาพยนตร์ที่สะท้อนความเป็นจริงของยุค 80:
“Bright Lights, Big City” ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์รัก หรือดราม่าธรรมดา แต่มันยังเป็นการสะท้อนสังคมในยุค 80 ซึ่งเต็มไปด้วยวัฒนธรรม materialism และ hedonism
ภาพของไนท์คลับที่พลุกพล่าน ยาเสพติด แอลกอฮอล์ และผู้คนที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติและชั้นวรรณ เป็นภาพที่จดจำได้อย่างลึกซึ้ง
การแสดงที่โดดเด่น:
ไมเคิล เจ ฟ oxx มอบการแสดงที่ทรงพลังที่สุดในชีวิตของเขา เขาสัมผัสถึงความทรมานและความว่างเปล่าของ Jamie ได้อย่างสมจริง แครอล Burnet ต่างก็สร้างความประทับใจด้วยบทบาทของ Amanda
ผู้กำกับ James Bridges ทำได้ดีเยี่ยมในการนำเสนอภาพยนตร์ที่ทั้งสวยงาม และลึกซึ้งในเวลาเดียวกัน soundtrack ของภาพยนตร์โดย Giorgio Moroder ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน
“Bright Lights, Big City” ในสายตาของนักวิจารณ์:
หลังจากการเปิดตัว “Bright Lights, Big City” ได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้าง polarized
บางคนชื่นชมภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเป็นผลงานที่สมจริงและสะท้อนถึงความเป็นจริงของชีวิตในเมืองใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม ในขณะที่บางคนก็วิจารณ์ว่ามันหดหู่เกินไปและไม่ให้ข้อคิดอะไรแก่ผู้ชม
แม้จะไม่ได้รับรางวัลหรือถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ “Bright Lights, Big City” ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การชม
ถ้าคุณกำลังมองหาภาพยนตร์ดราม่าที่ลึกซึ้งและสะท้อนถึงความเป็นจริงของสังคมยุค 80 “Bright Lights, Big City” เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
มุมมองที่น่าสนใจ:
- **Jamie ไม่ใช่ผู้ร้าย: **ภาพยนตร์เรื่องนี้ชวนเราให้เห็นใจ Jamie ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่กำลังประสบปัญหา depressions และความสูญเสีย
องค์ประกอบ | คำอธิบาย |
---|---|
ดนตรี | Giorgio Moroder, Soundtrack ของภาพยนตร์โดดเด่นด้วยเสียง synthesizer ที่ไพเราะและมีจังหวะ |
บทภาพยนตร์ | แม้ว่าจะมีส่วนที่ดูหดหู่ แต่บทภาพยนตร์ก็ยังคงมีความลึกซึ้ง และสามารถสะท้อนถึงความเป็นจริงของชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม |
การกำกับ | James Bridges, ผู้กำกับทำได้ดีเยี่ยมในการนำเสนอภาพยนตร์ที่ทั้งสวยงามและลึกซึ้ง |
“Bright Lights, Big City” อาจไม่ใช่ภาพยนตร์ mainstream
แต่ก็เป็นผลงานที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ดราม่า และต้องการสำรวจความมืดและความว่างเปล่าของวัฒนธรรม materialism ในยุค 80